เงินประกันเสียภาษีกันอย่างไร
มีคนมากมายไม่ว่าจะเป็นผู้เสียภาษี ลูกศิษย์ลูกหา แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่สรรพากรเอง ที่มาถามผู้เขียนตลอดเวลาว่า "เงินประกัน" จริงๆ แล้วต้องเสียภาษีเงินได้หรือภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ และถ้าต้องเสียภาษี จะเสียกันอย่างไร ซึ่งผู้เขียนก็ได้พยายามอธิบายมาหลายปีในทุกที่ทุกเวลาที่มีโอกาส แต่คำถามเหล่านี้ก็ยังไม่ได้น้อยลงไปเลย แสดงให้เห็นว่ายังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเสียภาษีของเงินประกันอีกเป็นจำนวนมาก จึงเห็นว่าน่าจะถึงเวลาเขียนบทความดีๆ ชี้แจงให้เข้าใจถึงการเสียภาษีของเงินประกันที่ถูกต้องเป็นเรื่องเป็นราวกันสักที เมื่อเข้าใจที่มาของบทความนี้แล้วก็ขอเริ่มเข้าสู่รายละเอียดของเรื่องเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
ปัญหาหลักที่ทำให้พนักงานทำภาษีส่วนใหญ่ซึ่งเป็นนักบัญชีไม่ค่อยเข้าใจหรือรับไม่ (ค่อย) ได้ กับการที่กรมสรรพากรวินิจฉัยให้นำเงินประกันมาลงเป็นรายได้ทางภาษีอากร ก็เนื่องจากในทางการบัญชี เงินประกันเป็นสิ่งที่ต้องคืนลูกค้าในอนาคตเมื่อเลิกสัญญา จึงยังไม่ถือเป็นรายได้ในทางบัญชี อีกทั้งปัจจุบันผู้เสียภาษีที่มีปัญหากับกรมสรรพากรมากที่สุดคือผู้ที่เสียภาษีจากฐานกำไรสุทธิ เนื่องจากไม่สามารถจ้างนักบัญชีที่เก่งหรือชำนาญทางด้านการทำบัญชีตามมาตรฐานการบัญชีอย่างเดียวได้ เหตุเพราะมีรายได้และรายจ่ายหลายกรณีที่ทางบัญชีไม่ตรงกับวิธีการทางภาษีอากร
ตัวอย่างความแตกต่างด้านรายได้ เช่น เงินปันผลรับ ทางบัญชีถือเป็นรายได้ แต่ทางภาษีอากรอาจได้รับยกเว้นกึ่งหนึ่งหรือทั้งจำนวนตามมาตรา 65 ทวิ (10) แห่งประมวลรัษฎากร หรือกรณีการให้กรรมการกู้ยืมเงินโดยไม่คิด ดอกเบี้ย ทางบัญชีจึงไม่มีรายได้จากดอกเบี้ยรับ แต่ทางภาษีอากรเจ้าพนักงานมีสิทธิประเมินให้มีดอกเบี้ยรับได้ตามมาตรา 65 ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎากร
ตัวอย่างความแตกต่างด้านรายจ่าย เช่น เงินบริจาคการกุศล ทางบัญชีถือเป็นรายจ่าย แต่ทางภาษีไม่สามารถนำมาถือเป็นรายจ่ายได้ ทั้งจำนวน ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวล-รัษฎากร หรือกรณีผลขาดทุนของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน ทางบัญชีไม่ถือเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีปัจจุบัน แต่ทางภาษีอากรมีสิทธินำผลขาดทุนของรอบระยะเวลาบัญชีก่อนมา ถือเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีปัจจุบันได้ ตามมาตรา 65 ตรี(12) แห่งประมวลรัษฎากร
อย่างไรก็ตาม จากความแตกต่างข้างต้นสามารถแก้ไขได้ โดยการปฏิบัติตามเงื่อนไขการคำนวณกำไรสุทธิ ที่กำหนดอยู่ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร แต่ปัญหาที่ผู้เสียภาษียังแก้ไม่ได้คือ กรณีที่รายได้และรายจ่ายบางรายการไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจนในกฎหมายประมวลรัษฎากร ทำให้จำเป็นต้องลงรายได้หรือรายจ่ายตามวิธีการทางบัญชีไปก่อน จึงมีความเสี่ยงต่อความผิดพลาดอยู่เสมอ หากกรมสรรพากรพิจารณาไม่ตรงกับทางบัญชี และปัญหาหนึ่งในนั้นคือ "เงินประกัน" นั่นเอง
ที่มา : http://www.sanpakornsarn.com