ผู้ประกอบการส่งออก
สรุปหลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบการส่งออกที่ดีของกรมสรรพากร
(ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.596/2545ฯ ลงวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2545
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.507/2548ฯ ลงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2548)
คุณสมบัติ
1. กรณีผู้ส่งออกทั่วไป
(1) เป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(2) มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
(3) มีการส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศ ในอัตราส่วนตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป ของยอดขายรวมสำหรับระยะเวลา 12 เดือน ก่อนยื่นคำขอรับการจัดระดับการส่งสินค้าไปขายยังต่างประเท ตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงการขายสินค้าระหว่าง ประกอบการที่ประกอบกิจการในเขตอุตสาหกรรมส่งออกด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออกเดียวกันหรือไม่ ก็ตาม
(4) มีความมั่นคงต่อเนื่องและน่าเชื่อถือในการประกอบการ และมีกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน อาคาร โรงงาน ฯลฯ
(5) มีทรัพย์สินสุทธิมากกว่าหนี้สินสุทธิ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปีสุดท้ายก่อนยื่นคำขอ
(6) มีประวัติการเสียภาษีที่ดี เสียภาษีสอดคล้องกับสภาพเป็นจริงของกิจการ ไม่มีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงภาษี
(7) เป็นสมาชิกของสมาคมหรือองค์กรเอกชน(ในทางการค้า) เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นต้น หรือ เป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม และสมาคมหรือองค์กรภาคเอกชน หรือการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแล้วแต่กรณี รับรองว่ามีการประกอบกิจการอยู่เป็นปกติ ไม่มีข่าวสารที่แสดงถึงการขาดความน่าเชื่อถือทางการเงินและมีหนี้สินล้นพ้นตัวแต่อย่างใด
2. กรณีผู้ส่งของออกระดับบัตรทองของกรมศุลกากร
(1) เป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเป็นผู้ส่งของออก ระดับบัตรทองของกรมศุลกากร
(2) มีการส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศ ในอัตราส่วนตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป ของยอดขายรวม สำหรับระยะเวลา 12 เดือน ก่อนยื่นคำขอรับการจัดระดับการส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงการขายสินค้าระหว่างผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการในเขตอุตสาหกรรมส่งออกด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ในเขตอุตสาหกรรม ส่งออกเดียวกันหรือไม่ ก็ตาม
(3) มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับกรณีผู้ส่งออกทั่วไป ข้อ (4) - (7)
เงื่อนไข
ผู้ประกอบการส่งออกที่จะได้รับการจัดระดับให้เป็นผู้ประกอบการส่งออกที่ดี จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ด้วย
(1) ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยการนำเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร
(2) กรณีมีสาขา ต้องได้รับอนุมัติให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกัน
(3) ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่รับรองงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ยื่นคำขอ ต้องได้รับ การแต่งตั้งจากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขตามมาตรา 3 สัตตแห่งประมวลรัษฎากร โดยให้แจ้งชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ชื่อสำนักงานผู้สอบบัญชี และแจ้งชื่อผู้ทำบัญชี สำนักงานบัญชีด้วย
สิทธิประโยชน์
1. กรณียื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะได้รับคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ยื่นแบบฯ
2. กรณียื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา สาขา จะได้รับการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ยื่นแบบฯ ยกเว้น ในกรณีที่มีหลักฐานหรือข้อมูลชัดแจ้งว่า ผู้ประกอบการส่งออกที่ดียื่นแบบ แสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ไม่ถูกต้อง และเห็นสมควรตรวจก่อนคืน กรมสรรพากรจะแจ้ง เหตุที่ไม่สามารถคืนภาษี ภายในเวลาที่กำหนดให้ผู้ประกอบการส่งออกที่ดีทราบ ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 2 ปี นับแต่เดือนภาษีที่ อธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติให้เป็นผู้ประกอบการส่งออกที่ดี
การยื่นคำขอ
ยื่นคำขอ (สด.1) พร้อมเอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ในการพิจารณา โดยยื่นต่อหน่วยงาน ดังนี้
1. บริษัทที่อยู่ในการกำกับดูแลของสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ยื่นคำขอได้ที่ส่วนวางแผนและประเมินผล ของสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่
2. บริษัทอื่น ให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
(1) กรณีสถานประกอบการซึ่งมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งอยู่ในท้องที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นที่ฝ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่ายและคืนภาษี
(2) กรณีสถานประกอบการซึ่งมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งอยู่ในท้องที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่นอกเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นที่ฝ่ายกรรมวิธีและคืนภาษี กรณีสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการส่งออกที่ดีจะสิ้นสุดลง เนื่องจากครบกำหนดระยะเวลา 2 ปี หากผู้ประกอบการมีความประสงค์จะเป็นผู้ประกอบการส่งออกที่ดีต่อไป ให้ยื่นคำขอใหม่ก่อนระยะเวลา 3 เดือนที่สิทธิประโยชน์จะสิ้นสุดลง
ขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติ
1. สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่ตรวจความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ แล้วเสนอความเห็นไปยังกรมสรรพากร
2. กรมสรรพากร โดยคณะกรรมการพิจารณาจัดระดับผู้ประกอบการส่งออกที่ดี สรุปความเห็น เสนออธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติ
3. สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่ แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ประกอบการส่งออกทราบ