เงินได้พึงประเมินอะไรบ้างที่ได้รับการยกเว้นภาษี ?
74. เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็น ค่าซื้อหน่วยลงทุน ในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ ตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ให้ยกเว้น เท่าที่ได้จ่ายเป็น ค่าซื้อหน่วยลงทุน ในอัตราไม่เกิน ร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับปีภาษีนั้น โดยผู้มีเงินได้ ต้องถือหน่วยลงทุน ดังกล่าว มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่ วันซื้อหน่วยลงทุน ครั้งแรก และไถ่ถอนหน่วยลงทุนนั้น เมื่อผู้มีเงินได้ มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกำหนด
ในกรณี ที่ผู้มีเงินได้ จ่ายเงินสะสม เข้ากองทุน สำรองเลี้ยงชีพ ตามกฎหมาย ว่าด้วยกองทุน สำรองเลี้ยงชีพ หรือจ่ายเงิน สะสมเข้ากองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตามกฎหมาย ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุน สงเคราะห์ ตามกฎหมายว่าด้วย โรงเรียนเอกชนด้วย เงินได้ที่ได้รับยกเว้น ตามวรรคหนึ่ง เมื่อรวมกับเงินสะสม ที่จ่ายเข้า กองทุน สำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ในกรณี ที่ผู้มีเงินได้ ถือหน่วยลงทุน ไม่ครบ 5 ปี นับตั้งแต่ วันซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก หรือ ไถ่ถอนหน่วยลงทุนก่อน ที่ผู้มีเงินได ้มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ให้ผู้มีเงินได้นั้น หมดสิทธิได้รับยกเว้น ตามวรรคหนึ่ง และต้องเสียภาษีเงินได ้สำหรับเงินได้ ที่ได้รับยกเว้นภาษี ตามวรรคหนึ่งมาแล้วด้วย (ดูประกาศ อธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 171)
ในปีภาษี 2551 หากผู้มีเงินได้ มีการซื้อหน่วยลงทุน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ให้เงินได้ ตามวรรคหนึ่ง เท่ากับส่วนที่ไม่เกิน 700,000 บาท แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และในกรณี ที่ผู้มีเงินได้ดังกล่าว ได้จ่ายเงินสะสม ตามวรรคสองด้วย เมื่อรวมเงินได้ กับเงินสะสมแล้ว ต้องไม่เกิน 700,000 บาท ทั้งนี้ เงินได้ที่ได้รับ ยกเว้นดังกล่าว ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด และให้นำความ ในวรรคสามมาใช้บังคับด้วย (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 173)
75. เงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับจาก กองทุนรวม ดังกล่าว เพราะเหตุสูงอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ ที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด (ดูประกาศ อธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 91)
76. เงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ครูใหญ่ หรือครูโรงเรียนเอกชน ได้รับจากกองทุนสงเคราะห์ ตามกฎหมายว่าด้วย โรงเรียนเอกชน เมื่อครูใหญ่ หรือครูโรงเรียนเอกชน ออกจากงาน เพราะเหตุสูงอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 99)
81. ยกเว้นเงินได้ เท่าที่ผู้มีเงินได้ จ่ายเป็น เบี้ยประกันภัย ในปีภาษี สำหรับการประกันชีวิต ของผู้มีเงินได้ ตามจำนวน ที่จ่ายจริง เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 90,000 บาท โดยกรมธรรม์ประกันชีวิต ต้องมีกำหนดเวลา ตั้งแต่ 10 ขึ้นไป และการประกันชีวิตนั้น ได้เอาประกันไว้ กับผู้รับประกันภัยที่ ประกอบกิจการประกันชีวิต ในราชอาณาจักร ทั้งนี้ สำหรับเบี้ยประกัน ที่ได้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป และให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดี (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 172)
85. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับ เนื่องจาก การขายหน่วยลงทุน คืนให้แก่กองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ ตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เฉพาะกรณี ที่ผู้มีเงินได้ ถือหน่วยลงทุน ดังกล่าวมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่ วันซื้อหน่วยลงทุน ครั้งแรก ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ดังนี้
1. ผู้มีเงินได้ ต้องซื้อหน่วยลงทุน ในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ ไม่น้อยกว่าปีละ 1 ครั้ง และต้องไม่ระงับ การซื้อหน่วยลงทุน เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ติดต่อกัน และการซื้อหน่วยลงทุน ในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ ตามวรรคหนึ่ง ต้องมีจำนวนรวมกัน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของเงินได้ ที่ได้รับในแต่ละปี หรือมีจำนวนไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี
2. ผู้มีเงินได้ จะต้องถือหน่วยลงทุน ในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก
การนับระยะเวลา การถือหน่วยลงทุน ในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ ตามวรรคหนึ่ง ให้นับเฉพาะปี ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ซื้อหน่วยลงทุน เฉพาะที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในข้อ 1.
ความในวรรคหนึ่ง มิให้ใช้บังคับ ในกรณีผู้มีเงินได้ ไถ่ถอนหน่วยลงทุน ในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ เพราะเหตุทุพพลภาพหรือตาย
3. ผู้มีเงินได้ ต้องไม่ได้รับเงินปันผล หรือเงินอื่นใด จากกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ ในระหว่างการลงทุน และต้องได้รับคืน เงินลงทุน และผลประโยชน์ จากกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ เมื่อมีการไถ่ถอน หน่วยลงทุนเท่านั้น
4. ผู้มีเงินได้ ต้องไม่กู้ยืมเงิน หรือเบิกเงินจากกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพที่ผู้มีเงินได้ได้ซื้อหน่วยลงทุนไว้
กรณีผู้มีเงินได้ ได้ซื้อหน่วยลงทุน ในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ เกินกว่าหนึ่งกองทุน เงินได้ที่จ่ายเป็น ค่าซื้อหน่วยลงทุน ในกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ ในแต่ละกองทุน ที่จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องรวมคำนวณ เพื่อเสียภาษี เงินได้บุคคลธรรมดา ต้องเป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตาม (1)-(4) (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 170)
กรณีการขายหน่วยลงทุน ตามวรรคหนึ่ง หากเป็นการขายหน่วยลงทุน ที่ผู้มีเงินได้ ได้ซื้อหน่วยลงทุน ดังกล่าว ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 หรือได้ซื้อหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551 และได้มีการซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มเติมระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงิน หรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับ เนื่องจาก การขายหน่วยลงทุน ที่ซื้อมาในปีภาษี 2551 ที่คำนวณมาจาก เงินได้พึงประเมิน ที่ซื้อหน่วยลงทุน ดังกล่าว ได้ในอัตรา ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้แต่ไม่เกิน 700,000 บาท ในปีภาษี 2551 (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 174)
86. เงินได้เท่าที่จ่ายเป็น ค่าซื้อหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้มีการจดทะเบียน กองทรัพย์สิน เป็นกองทุนรวม ภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับปีภาษีนั้น และเงินได้ดังกล่าว ต้องเป็นเงินได้ ของผู้มีเงินได้ ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึง ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล และกองมรดก ที่ยังไม่ได้แบ่ง ทั้งนี้ สำหรับเงินได้ พึงประเมิน ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
เงินได้ที่ได้รับยกเว้น ตามวรรคหนึ่ง และการถือหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมหุ้น ระยะยาว ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
ในกรณีที่ผู้มีเงินได้ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดใน วรรคสอง ให้ผู้มีเงินได้นั้น หมดสิทธิได้รับยกเว้น ตามวรรคหนึ่ง และต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ ที่ได้รับยกเว้นภาษี ตามวรรคหนึ่งมาแล้วด้วย (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 169)
ในปีภาษี 2551 หากผู้มีเงินได้ มีการซื้อหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ให้เงินได้ตามวรรคหนึ่ง เท่ากับส่วนที่ไม่เกิน 700,000 บาท แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน ทั้งนี้ เงินได้ที่ได้รับยกเว้น และการถือหน่วยลงทุน ดังกล่าว ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด และให้นำความในวรรค สามมาใช้บังคับด้วย (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 175)
http://www.rd.go.th